บังเอิญว่าได้มีโอกาส ทราบข่าวจากน้องเสก (น้องเค้าทำงานอยู่บนอำเภอสะเมิง เจ้าหน้าที่ส่งเสริม) ว่าตอนนี้มีโครงการอบรมเกษตรกรภายใต้ผลสำเร็จฯ ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการดีมาก และต้องการได้คนที่สนใจ อยากจะเข้าไปอบรม (น้องเค้าเอา รายละเอียดมาแบ่งปันในเฟซบุ๊ค)
เห็นแว่บแรก ก็รู้เลยว่าโครงการนี้ น่าสนใจมากๆ เพราะเนื้อหาที่ให้อบรม มีทั้งหมด 20 งานวิชาการ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นเด็ดๆ ทั้งนั้นงานนี้เลยขอน้องเค้าสมัครเป็นคนแรกๆ แต่น้องเค้าดันบอกว่า ต้องเป็นคนที่มีภูมิลำเนา อยู่ในอำเภอสะเมิง เท่านั้น แป่ววว…. (ทะเบียนบ้านเราอยู่อีกอำเภอ) อ่าวทำไงดี ? ยังไม่ทันจะสมัครก็โดนสอยซะแหร่ะ แต่โชคยังดีที่น้องเค้าบอกให้ไปติดต่อ ในอำเภอที่ตัวเองสังกัด เพราะโครงการนี้ มีทุกอำเภอ งานนี้เลยยังพอมีหวังเลยรีบติดต่อ จนแล้วจนรอด ก็ได้ไปโครงการนี้จนได้
จนท. บอกว่า ให้มาขึ้นรถเพื่อไปที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตอน 7 โมงเช้าที่ศาลากลางจังหวัด เย้ๆ ในที่สุดก็ได้ไปเช้านี้ถือว่า เป็นการตื่นเช้ามากๆ หลังจากที่ไม่ค่อยได้ตื่นเช้ามานาน แหะๆ ผมมาถึงที่นัดหมาย ตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า มาถึงก็เจอรถโดยสาร ที่ทาง จนท. เค้าเตรียมไว้ให้จอดรถอยู่ มีป้า นั่งรออยู่ในรถ 2 คน แหมม.. คนร่วมอุดมการณ์ คนละรุ่นกันเลยขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย 55
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 45 นามีก็มาถึงศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่บรรยากาศโดยรอบ ดูธรรมชาติมากๆ พื้นที่ของศูนย์ฯทั้งหมดมีราวๆ 8,500 ไร่ แบ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่หลายส่วนด้วยกัน เป็นพื้นที่ป่า พื้นที่ปศุสัตว์ ประมง เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้กัน
เมื่อมาถึง ก็มีจนท. คอยต้อนรับเหล่าเกษตรกร พร้อมทั้ง ให้ลงทะเบียนฯ รับเอกสารและถุงผ้าที่ระลึก พร้อมชี้แจงที่มาที่ไปของโครงการนี้ และยังเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของศูนยฯห้วยฮ่องไคร้ อย่างละเอียดยิบเอาจนพวกเรารู้สึกได้ทันทีว่า การที่จะมีแหล่งเรียนรู้ ที่มีทั้งองค์ความรู้ และงานวิชาการ สักแห่งหนึ่งนั้น มันต้องใช้ระยะเวลา ในการสั่งสม ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย ที่มากกว่า 241 งานวิชาการ และพัฒนาสถานที่ ให้พร้อมที่จะเอางานวิชาการ งานวิจัยเหล่านั้น มาปฏิบัติทำโครงการจริงๆ เพื่อจะได้รู้ว่า งานวิชาการ งานวิจัยนั้นๆ สัมฤทธิ์ผลจิรงๆหรือไม่และทั้งหมดทั้งมวลนั้น ผลงานเหล่านี้ก็ไม่ได้เอาไปไว้ไหน หรือให้ใคร แต่ผลงานวิชาการเหล่านี้ กลับเอามาเผยแพร่ ให้เกษตรกร ได้เอาองค์ความรู้ ที่สำเร็จแล้วไปใช้ เพื่อพัฒนาต่อยอด ให้ตนเองและกลุ่มของตน ถ้าไม่เป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงแล้ว เราคงไม่มีศูนย์ฯการเรียนรู้ ดีๆอย่างนี้จริงๆ
ยิ่งได้ชมวิดีทัศน์ การทรงงานของพระองค์ฯท่านแล้ว นับได้ว่าโชคดีจริงๆ ที่พวกเราได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบารมี ของพระองค์ท่าน ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน